- Details
- Category: สำนักนายกฯ
- Published: Wednesday, 11 January 2017 21:56
- Hits: 7864
`สมคิด` มองจีดีพีปี 59 โต 3.2% เร่งเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างศก. รับน้ำท่วมใต้กระทบจีดีพี Q1/60 เล็กน้อย
'สมคิด' มองจีดีพีปี 59 โต 3.2% ลั่นทำเต็มที่แล้ว พร้อมปูทางปี 60 เร่งเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างศก. หวังดันศก.ไทยโตต่อเนื่องในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ขอบคุณนายกฯ ให้สนับสนุนทุกแผนกระตุ้นศก. เผยเตรียมงบกลางปีไว้ลงทุนโครงการขนาดใหญ่แล้ว หลังเอกชนยังชะลอการลงทุน รับน้ำท่วมใต้ กระทบจีดีพี Q1/60 บ้าง สั่งคลังเตรียมหามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม หวัง คณะทำงานยุทธศาตร์ปรองดอง ที่ครม.อนุมัติวานนี้ จะช่วยดันโครงการที่มีปัญหาให้เดินหน้าได้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงานสัมมนาใหญ่ประจำปี 2559 จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ในการปาฐกถาพิเศษ 2560 จุดเปลี่ยนประเทศไทย ว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา คาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ของไทยจะขยายตัวได้ 3.2% ซึ่งหากดูจากสถานการณ์ทั้งจากทางการเมือง และการลงทุนของภาครัฐต่างๆ ถือว่าทำได้อย่างเต็มที่แล้ว และยอมรับว่า ที่ผ่านมา ค่อนข้างเหนื่อย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกไม่ดี ภาคเอกชนชะลอการลงทุน ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้เพื่อประคองเศรษฐกิจ คือ การลงทุนโครงการต่างของภาครัฐ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจ และให้เศรษฐกิจประคองตัวได้
"ดูจากที่ผ่านมา ยอมรับว่า ระดับเศรษฐกิจที่ 3.2% ของปีที่ผ่านมานั้น ค่อยข้างเต็มที่แล้ว ดังนั้น หลังจากนี้ เราต้องเปลี่ยนแปลง ว่าจะทำอย่างไรไม่ทำให้เศรษฐกิจทรุด เราต้องเปลี่ยนวงจรเศรษฐกิจไทย เพื่อให้โตได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ต้องขอบคุณข้าราชการทุกกระทรวง ผมพยายามไปเพื่อเร่งลงทุน Front load เพื่อเป็นตัวประคอง ทฤษฎีของผม ในการบริหารเศรษฐกิจ ที่แท้จริง คือ การบริหารจิตใจคนไทยให้มีความเชื่อมั่น อย่างตอนนี้เอกชนก็ยังไม่กล้าลงทุน ก็เข้าใจ ว่ายังไม่เชื่อมั่น สิ่งที่เราจะทำ คือ ประเทศไทย 4.0 คือ เราต้องก้าวไป สร้างความเข็มแข็ง นวัตกรรม การปฏิรูปเกษตร คือ การวางรากฐานเพื่อมาสู่ปี 2560"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวว่า ยอมว่า ตนเองโชคดี ที่มีผู้นำอย่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พร้อมจะสนับสนุน เมื่อไม่มีการเอาโครงการจำนำข้าว หรือประกันราคาข้าว ก็เสนอกองทุนหมู่บ้าน เน้นพัฒนาโอท็อป ซึ่งนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะให้การสนับสนุน เพราะเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้จะช่วยประคองให้เศรษฐกิจอยู่ได้ แม้อาจไม่เร็วเท่าที่ควร
"ในเวลานี้ เวลามาถึงแล้ว เชื่อว่าปี 2560 ตนมั่นใจ เพราะอุปสรรคในเรื่องใหญ่อย่างความไม่เชื่อมั่นทางการเมือง มันเริ่มดีขึ้น จากเหตุการณ์ความวุ่นวายมาสู่ความสงบ สินค้าเกษตรเริ่มกระเตื้อง ราคาน้ำมันเริ่มดี ประชากรส่วนใหญ่ในภาคเกษตรเริ่มมีอำนาจซื้อ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียน ขณะนี้ที่การส่งออกเริ่มดี จากเศรษฐกิจสหรัฐที่เริ่มดีขึ้นจากการเปลีย่นผ่านนโยบายมาสู่ ทรัมป์ ที่เราเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ระยะสั้นของสหรัฐเพราะจะมีการลงทุนใหม่ๆ นวัตกรรม ซึ่งจะทำให้ไทยมีประโยชน์ในเรื่องการส่งออกด้วย"นายสมคิด กล่าว
นอกจากนี้ ตนและทีมเศรษฐกิจ ยืนยันว่า แม้ภาคเอกชนจะชะลอการลงทุน แต่ตนและทีมเศรษฐกิจ จะเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐต่อเนื่อง โดยจะไม่นั่งฝันอยู่กับบ้านว่าจีดีพีจะโต แต่ไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา จึงได้เตรียมงประมาณกลางปีไว้ สำหรับการลงทุน ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าของการลงทุนรัฐวิสาหกิจด้วย
"มีผู้รู้บอกว่า ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะซึมยาว ผมก็มานั่งคิดว่า ก็เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่ประเทศไทย แต่เป็นเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจเรามันจะซึมยาวหรือไม่ มันอยู่ที่ใจเรา หากไม่นั่งซึมอยู่บ้าน และคิด ไม่มีทางนั่งซึม แต่ถ้านั่งซึมไม่ทำอะไร โครงสร้างไม่เปลี่ยนมันจะอยู่ไม่ได้ มันต้องทำ สินค้าเกษตรไม่แปรรูปมูลค่าก็ต่ำลงแต่ปีที่แล้ว เราขับเคลื่อนไปเยอะมาก เรารู้ว่าปีนี้มันมีโครงการเยอะมากแต่ละโครงการเตรียมจะคลอดออกมา อยู่ที่เราต้องพยายามเร่งทำคลอดออกมา เราต้องปรับเปลี่ยนด้วย เพราะการอัดฉีดเงินลงไปนั้น มันแค่ประครองเศรษฐกิจ แต่การสร้างให้แข็งแรงต้องไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้วย"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในเร็วๆนี้ กระทรวงการคลังเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับพี่น้องประชาชนภาคใต้ ซึ่งตนยอมรับว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ภาครัฐพยายามเข้าไปช่วยเหลือและเยียวยา ประกอบกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ก็เข้าไปเพื่อลดภาระและอุปสรรค ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า จะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ไตรมาส 1/2560
ในขณะที่ความคาดหวังว่า จีดีพี จะขยายตัวได้ 3-4% นั้นเป็นเรื่องง่าย และมีความเป็นไปได้ แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศ ที่จะต้องอาศัยเวลาในการดำเนินการ และการวางรากฐานของประเทศที่เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. เมื่อวานที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติอนุมัติ ตั้งคณะทำงานยุทศาสตร์ ปฏิรูป และปรองดอง หรือ มินิคาร์บิเนต หรือ ครม.ชุดเล็ก เพื่อติดตามและช่วยในการแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรคในโครงการที่มีข้อติดขัดต่างๆ เพื่อให้เดินหน้าต่อไปได้ โดยในเร็วๆนี้ จะนำเรื่องงบประมาณเพิ่มเติม และเรื่องอีอีซี เข้าสู่การพิจารณาในคณะทำงานชุดนี้ด้วย
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจตอนนี้ ยอมรับว่า การส่งออกเริ่มดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในต่างประเทศเริ่มดี ทำให้ส่งออกขยายตัวได้ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรเริ่มกระเตื้อง โดยเฉพาะราคายาง การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัวได้ จึงขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจ และพยายามช่วยกันประคอง อย่างให้มีอะไรที่เข้ามาทำลายภาพลักษณ์ ต่างๆของประเทศ
นอกจากนี้ ยังเตรียมหารือกับสำนักงบประมาณ ในการจัดหางบพิเศษเพิ่มเติม เพื่อบรรจุอยู่ในงบประมาณปี 2561 ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำงบประมาณ เพื่อไปใช้ในกลุ่มจังหวัดมากขึ้น โดยในแต่ละจังหวัดจะต้องมีผู้นำในการดำเนินโครงการ เพื่อให้เกิดขึ้นให้ได้ และสร้างความแข็งแกร่งในชนบท
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย